ทัวร์ราชาสถาน- เยือนถิ่นมหาราชา 10 วัน TG

• เรามาดูสถานที่เที่ยวในโปรแกรม ทัวร์ราชาสถาน กันดีกว่าค่ะว่ามีที่เที่ยวน่าสนใจอะไรบ้าง 

ชุัยปุร์ (Jaipur) 
     ชัยปุร์ หรือ ชัยปุระ เป็นเมืองหลวงของรัฐราชสถานที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 10 ของประเทศอินเดีย  เมืองชัยปุร์ถือได้ว่ามีความร่ำรวยทันสมัยมาช้านานแล้ว โดยผังเมืองได้ออกแบบให้มีความเป็นระเบียบอย่างมาก จัดเป็นตารางอย่างเรียบร้อยชัดเจน ถนนหนทางต่างๆ มีความกว้างขวางใหญ่โต โดยมีพระราชวังต่างๆ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเป็น ฮาวามาฮาล ป้อมนาฮาการ์ หอดูดาวจันตาร์มันตาร์ และมีพระราชวังเก่าแก่ “อาเมร์” (Amber) หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า พระราชวังแอมเบอร์ ตั้งอยู่ห่างจากชัยปุร์เป็นระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร อยู่บนเนินเขา เมื่อขึ้นไปที่พระราชวังจะสามารถมองเห็นวิวเมืองได้ไกลสุดตา ในช่วงปี ค.ศ.1876 ในรัชสมัยของมหาราชาสวาอิ ราม สิงห์ ได้มีพระบัญชาให้ทาสีอาคารบ้านเรือนต่างๆ เป็นสีชมพูเพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ในครรั้งเสด็จเยือนชัยปุร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งสีชมพูนี้ยังคงมีอยู่ให้เห็นจนถึงปัจจุบัน และได้กลายมาเป็นชื่อเรียกขานของเมืองชัยปุร์ว่า “เมืองสีชมพู” นั่นเอง
     เมืองชัยปุร์เป็นเมืองสำคัญที่ไม่ว่าครั้งใดมีการจัดทริปท่องเที่ยว หรือ ทัวร์ราชาสถาน แล้วต้องไม่พลาดที่จะเดินทางมายังเมืองนี้ เพราะสถานที่ต่างๆ ในเมืองนี้ล้วนแล้วมีมนต์เสน่ห์น่าตื่นตาตื่นใจ แค่เพียงพระราชวังต่างๆ แล้วก็มีมากมายล้วนแล้วแต่ก่อสร้างอย่างวิจิตรบรรจง ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวเมื่อได้ซื้อ ทัวร์ราชาสถาน มาเที่ยวกันแล้วมักจะบอกต่อกันให้ได้ลองหาซื้อ ทัวร์ราชาสถาน เพื่อไปท่องเที่ยวกันมากมายปากต่อปากเลยทีเดียว โดยจะยกตัวอย่างสถานที่ที่ต้องไปเยือนเมื่อไปเที่ยวเมืองชัยปุร์ดังนี้

ซิตี้พาเลส (City Pallace) 
พระราชวังซิตี้พาเลส เป็นพระราชวังที่ประทับของมหาราชาแห่งชัยปุร์ เป็นที่ตั้งของหมู่พระที่นั่งสำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งจันทรา มาฮาล และพระที่นั่งมูบารัก มาฮาล การก่อสร้างหมู่อาคารต่างๆมีสถาปัตยกรรมการออกแบบอย่างผสมผสานระหว่างแบบราชปุตกับโมกุล ออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยอาคารอย่างลงตัว ไม่แน่นทึบจนเกินไป มีทางเดินกว้างขวาง ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สหวายมาน ซิงห์ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม
ฮาวามาฮาล (Hawa Mahal)
เป็นหนึ่งในตำหนักสำคัญของซิตี้พาเลส โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฎของพระนารายณ์ มีความโดดเด่นที่บริเวณด้านหน้าบัน ทาด้วยสีชมพูสวยงาม มีความสูงห้าชั้นและมีลักษะซ้อนกันคล้ายรังผึ้งประกอบไปด้วยหน้าต่างขนาดเล็กตกแต่งด้วยลวดลายฉลุเป็นช่องลมจำนวน 953 บาน จนเป็นที่มาของชื่อ “พระราชวังแห่งสายลม” ซึ่งลายฉลุเหล่านี้มีเอาไว้เพื่อให้นางในวังสามารถมองผ่านออกไปเห็นชีวิตภายนอกบนท้องถนนได้ในขณะที่คนภายนอกไม่สามารถมองลอดเข้าไปได้นั่นเอง

เมืองอัครา (Agra)
     เมืองหลวงเก่าของประเทศอินเดียในช่วงจักรวรรดิโมกุลตั้งแต่ ค.ศ.1556-1658 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนาทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เมืองอัคราได้เป็นเมืองหลวงอยู่ระยะหนึ่งก็ได้มีการย้ายเมืองหลวงไปที่เดลี แต่กษัตริย์ออรังเซฟได้ย้ายกลับมาที่อัคบาราบัด และได้ย้ายเมืองหลวงอีกครั้งไปที่ออรังกาบัด จากนั้นในช่วงยุคปลายของจักรวรรดิโมกุลเมืองจึงได้กลายเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษในที่สุด
     เมืองอัคราเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวสำคัญเนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งของทัชมาฮาล (Taj Mahal) ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวชมถึงเฉลี่ยวันละ 25,000 คนต่อวัน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังนิยมไปเที่ยวชมป้อมแดงหรือป้อมอัคราควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้ทางการท่องเที่ยวอินเดียได้จัดบัตรเข้าชมครึ่งราคาหากนักท่องเที่ยวได้ซื้อตั๋วไปเที่ยวชมทัชมาฮาลคู่กัน

ทัชมาฮาล (Jaj Mahal)
ทัชมาฮาลเป็นไฮไลท์สำคัญของ ทัวร์ราชาสถาน ที่ต้องแวะเวียนเดินทางเข้ามาเที่ยวชมอนุสรณ์สถานแห่งความรักสีขาวนวลแห่งนี้ ทัชมาฮาลถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ที่พระจักรพรรดิชาห์ชะฮันได้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมเหสีของพระองค์ คือ พระนางมุมตาช มหัล ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย
ทัชมาฮาลก่อสร้างขึ้นในปี 1630 สร้างจากหินอ่อนสีขาวงาช้างตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำยมุนาในเมืองอัครา สร้างโดยสถาปนิคชาวเปอร์เซีย โดยตำแหน่งที่ตั้งของทัชมาฮาลจะสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดเมื่อมองมาจากป้อมอัครา ตัวอาคารสร้างอย่างสมมาตร มีหอทั้งสี่ทิศที่โน้มเอียงออกเล็กน้อยเพื่อป้องกันการพังทลายมาล้มทับตัวอาคารถ้าหากเกิดแผ่นดินไหว ใช้แรงงานคนในการก่อสร้างถึง 20,000 คน และใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 22 ปี (ค.ศ.1630-1652) เมื่อเดินดูรอบตัวอาคารอย่างช้าๆ จะเห็นความละเอียดอ่อนบนหินอ่อนที่มีการสลักใส่ประโยคจากคัมภีร์อัลกุรอานลงบนพื้นผิวโดยรอบและบริเวณยอดของประตู ในบริเวณโดยรอบยังสร้างโดมขนาดเล็กถึง 22 แห่ง ซึ่งแสดงถึงจำนวนปีที่ใช้สร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ บริเวณฐานของอาคารเป็นหินอ่อนสีขาวซ้อนทับหินทรายที่อยู่เบื้องล่าง ภายใต้โดมหลักใช้เป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตาซ มหัล ซึ่งต่อมาได้มีการสร้างหลุมพระศพของพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน อยู่เคียงข้างกัน ด้านในตัวอาคารและโดมขาวนี้มีการประดับประดาด้วยอัญมณีมีค่ามากมาย
ป้อมอัครา (Agra Fort)
เป็นป้อมโบราณที่ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์มาหลายยุคหลายสมัย ปัจจุบันถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งเมืองอัครา หลักศิลาจารึกระบุว่าป้อมแห่งนี้ถูกสร้างก่อน ค.ศ.1000 และต่อมาได้รับการบูรณะโดยสมเด็จพระจักรพรรดิอัคบาร์ 
ป้อมอัคราทำจากหินทรายสีแดงดูใหญ่โตสง่างามเป็นเป็นสีแดงน่าเกรงขาม ในยุคของพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ได้มีการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมโดยผสมผสานองค์ประกอบของหินอ่อนและมีการตกแต่งประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาภายในป้อมเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น มัสยิดไข่มุก ท้องพระโรง พระราชวังที่ประทับชะฮันคีร์ เป็นต้น
ตัวป้อมถูกสร้างให้มีกำแพงล้อมรอบถึงสองชั้นโอบล้อมเป็นระยะทางถึง 2.4 กิโลเมตร หากใครที่สนใจในศิลปะแบบโมกุลก็จะได้เห็นรูปแบบการก่อสร้างที่สะท้อนถึงศิลปะของชาวทางเหนือซึ่งแตกต่างจากศิลปะตอนใต้ได้อย่างเด่นชัดจากป้อมแห่งนี้

โชธปุร์ (Jodhpur)
เมืองโชธปุร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า จอดห์ปุร์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของรัฐราชาสถาน เมื่อมาเที่ยวทัวร์ราชาสถาน เราก็ไม่อาจพลาดเมืองไปได้อย่างแน่นอน 
เมืองโชธปุร์เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “เมืองสีน้ำเงิน” และ “เมืองแห่งพระอาทิตย์” ทั้งนี้เนื่องจากบ้านเรือนต่างทาด้วยสีน้ำเงิน สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลและสามารถชมความงามของเมืองได้จากป้อมเมห์รันการ์ (Mehrangarh Fort) เห็นตัวเมืองสีน้ำเงินดูสวยงามน่าตื่นตายิ่งนัก 
เมืองโชธปุร์ยังมีสถานที่น่าเยี่ยมเยือนหลายแห่ง เช่น พระราชวังอุมาอิด ภาวัน และ ชัสวาน ธาดา สัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโชธปุร์ที่ล่ำลือถึงความประณีตในการแกะสลักหินอ่อนของสถานที่แห่งนี้

อุทัยปุร์ (Udaipur)
อุทัยปูร์ หรือเมืองแห่งทะเลสาบ City of Lake  เนื่องจากมีทะเลสาบตั้งอยู่ทั่วเมืองถึง 7 แห่ง อุทัยปุร์เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเมวาร์ Mewar ของราชวงศ์ราชบุตร ก่อตั้งโดยมหาราณะ อุทัย ซิงห์ ที่ 2 เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักรเมวาร์ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าขณะที่มหาปุราณะ อุทัย ซิงห์ ที่ 2 ได้พบกับฤาษีขณะที่ออกล่าสัตว์ที่ตีนเขาของแนวเขาอราวัลลี Aravalli range ฤาษีอวยพรแก่พระองค์และบอกให้สร้างพระราชวังบนเนินเขานี้ ซึ่งจะช่วยป้องกันเมืองได้ดี ซึ่งพระองค์ก็ตอบรับและสร้างพระราชวังบนเนินเขานี้ 
สถานที่เที่ยวที่สำคัญของอุทัยปุร์ คือ ป้อมชิทอร์การ์ (Chittorgarh Fort) เป็นป้อมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดียและได้รับขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นหนึ่งในห้าป้อมอันยิ่งใหญ่บนเนินเขาของประเทศอินเดีย