ทัวร์อียิปต์ : วิหารแห่งเอ็ดฟู Temple of Edfu

ทัวร์อียิปต์ : วิหารแห่งเอ็ดฟู Temple of Edfu

เป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ในเมืองเอ็ดฟู อียิปต์ตอนบน วิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในวิหารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในอียิปต์ วิหารสร้างขึ้นในยุคราชวงศ์ทอเลมี ระหว่าง 237-57 ปีก่อนคริสตกาล โดยคำจารึกบนผนังวิหารให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาษา ตำนาน และศาสนาในช่วงยุคเฮเลนิสติก (กรีกโบราณ) ในอียิปต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายละเอียดของการก่อสร้าง และยังเก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับการตีความในตำนานของวิหารแห่งนี้และวิหารอื่น ๆ ทั้งหมด ว่าเป็นดั่ง “เกาะแห่งการสร้างสรรค์” นอกจากยังมีภาพสลักสำคัญและคำจารึกของบทละครอันศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอันเก่าแก่ระหว่างเทพฮอรัสและเทพเซธ

เอ็ดฟู Edfu เป็นเมืองแห่งเทพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอียิปต์ เป็นที่ตั้งของ วิหารแห่งองค์เทพฮอรัส Temple of Horus” ซึ่งเป็นวิหารที่สวยงามและได้รับการอนุรักษ์อย่างดีจากทางการอียิปต์ ในอดีตเป็นที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยเฮเลนิสติกในนาม “อะพอลโลโนส โปลิส Apóllonos pólis” ในภาษาคอยนี่กรีก และ “อะพอลโลโปลิส แม็กน่า Apollopolis Magna” ในภาษาโรมัน เนื่องจากชาวกรีกระบุว่าเทพฮอรัสของชาวอียิปต์และเทพอะพอลโล่ของชาวกรีก คือเทพองค์เดียวกัน

วิหารแห่งเอ็ดฟู เริ่มสร้างขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์ทอเลมีที่ 3 ราว 237 ปีก่อนคริสตกาล และเสร็จสิ้นในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์ทอเลมีที่ 4 และส่วนต่อขยายมอื่นๆ ถูกสร้างเพิ่มเติมโดยฟาโรห์ในราชวงศ์ทอเลมีองค์อื่นๆ รวมถึงจักรพรรดิโรมันซีซาร์ ออกุสตุส หรือ จักรพรรดิอ็อกตาเวียน ซึ่งเพิ่มเติมจารีกและภาพสลักนูนต่ำซึ่งใช้เวลาต่อเนื่องยาวนาน 180 ปี

วิหารแห่งเอ็ดฟู ประกอบไปด้วยองค์ประกอบตามหลักความเชื่อดั้งเดิมของอียิปต์โบราณของอาณาจักรฟาโรห์ใหม่ ที่ผสมผสานเข้ากับองค์ประกอบสองสามอย่างของกรีก เช่น มามิส (สถานที่จุติขององค์เทพ) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของทางเข้าหลักของวิหาร ซึ่งประกอบด้วยทางเข้า วิหารหลัก และวิหารน้อย โดยผนังของมามิสได้รับการตกแต่งด้วยภาพสลักบรรยายเรื่องการจุติอันศักดิ์สิทธิ์ของยุวเทพฮอรัส การมีตัวตนของเทพีฮาธอร์ เทพเคนุมและเทพองค์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการถือกำเนิด

วิหารแห่งนี้มี เสาไพล่อน pylon (มีประดับไว้เพื่อความงดงาม) ที่ดีที่สุดในอียิปต์ตอนนี้ สูง 37 ม. และตกแต่งด้วยภาพสลักของการต่อสู้ของฟาโรห์ทอเลมีที่ 7 กับศัตรูต่อหน้าองค์เทพฮอรัส ถัดไปเป็นลานเปิดโล่งที่มีเสาหินรูปดอกไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งสามด้าน โดยเป็นลานสาธารณะที่รู้จักในฐานะลานบูชา เป็นสถานที่ที่ผู้คนทั่วไปสามารถเข้ามาสักการะรูปเคารพขององค์เทพได้
โถงไฮโปสไตล์ เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีเสาคอลัมน์ 12 ต้นรองรับหลังคา ทั้งสองฝั่งของทางเข้ามีรูปเหยี่ยวสลักหินขององค์เทพฮอรัสแห่งเบห์เดท ถัดจากโถงไฮโปสไตล์แรกเป็นทางเดินที่เข้าสู่โถงไฮโปสไตล์ชั้นใน มีเสาคอลัมน์ 12 ต้นรองรับหลังคา และด้านซ้ายมีห้อง 2 คูหา ห้องหนึ่งถูกใช้เป็นห้องสมุดซึ่งเคยมีคัมภีร์จำนวนมาก และอีกห้องให้เป็นที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ของวิหาร
มีห้องด้นหน้าสองห้องต่อเนื่องกัน โดยห้องด้านนอกเป็น โถงพิธีบูชา มีผนังที่ตกแต่งด้วยภาพสลักต่างๆ ขององค์เทพและฟาโรห์ทอเลมีในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน โถงด้านในสุดเป็น ที่ประทับขององค์เทพ
ส่วนท้ายสุดของวิหารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่องหินแกรนิตสีเทาที่เจาะประดับรูปเคารพขององค์เทพในท่ายืนด้านหน้าของแท่นยกพื้นเป็นที่ประดิษฐานของเรือศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ถูกล้อมรอบด้วยห้อง 12 คูหา บนผนังประดับด้วยภาพสลักทางศาสนามากมาย ห้องเหล่านี้บางห้องถูกใช้เป็นห้องเก็บของ และห้องอื่น ๆ ก็ใช้ในกิจกรรมอื่นตามแต่วัตถุประสงค์ทางศาสนาที่หลากหลาย

หนึ่งสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ คือ การมีไนโลมีเตอร์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเสาที่ระบุความสูงของแม่น้ำไนล์ เช่นเดียวกับวิหารน้อยที่สร้างถวายแด่องค์เทพนัท
บนผนังของวิหารมีรูปสลักของการต่อสู้มากมาย และภาพสลักของพิธีกรรมการวางฐานรากของวิหารเป็นภาพที่มีชื่อเสียง กำแพงทางเหนือของที่ประดิษฐานองค์เทพ มีภาพสลักของการเทวาภิเษกสมรสระหว่างเทพีฮาธอร์กับองค์เทพฮอรัสแห่งเบห์เดท ซึ่งมีการเฉลิมฉลองสองครั้งต่อปี ครั้งหนึ่งที่วิหารแห่งเด็นดาร่าและอีกครั้งที่วิหารแห่งเอ็ดฟู การเดินทางของเทพฮาธอร์จากเด็นดาร่ามายังเอ็ดฟูสามารถชมได้จากภาพบนผนังของวิหารแห่งนี้ และภาพสลักอีกฉากหนึ่งที่อยู่ด้านในของทางเดินด้านนองของฝั่งตะวันตกของวิหาร บอกเล่าเรื่องราวของตำนานความขัดแย้งระหว่างองค์เทพฮอรัสกับเทพเซ็ท ซึ่งเทพฮอรัสมีชัยเหนือปิตุลา และพิธีเทวาภิเษกขององค์เทพฮอรัสเพื่อปกครองโลก