กรุ๊ปเหมารัสเซีย : เที่ยวอันซีนที่ นิจนีนอฟโกรอด (Nizniy Novgorod)
เที่ยวรัสเซีย เส้นทาง 7 เมืองรุ่งเรืองของ อดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย บนทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียน
นิจนีนอฟโกรอด เป็นเมืองใหญ่อันดับห้าของสหพันธรัฐรัสเซีย มีประชากรเกิน 1.2 ล้านคน ตั้งอยู่จบบรรจบกันของแม่น้ำโวลก้ากับแม่น้ำโอค่า เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนิจนีนอฟโกรอดและเขตสหพันธ์โวลก้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านบริหาร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ และนิจนีนอฟโกรอดก็เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียด้วยเช่นกัน โดยมีองค์กรวิศวกรรมเครื่องกลและเทคโนโลยีสารสนเทศด้านงานโลหะ ที่มีบทบาทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้
นิจนีนอฟโกรอดในยุคกลาง (Nizhny Novgorod in Medieval era)
นิจนีนอฟโกรอด ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1221 โดยเจ้าชายยูริ วเซโวโลโดวิช เพื่อเป็นเมืองยามค่อยปกป้องดินแดนรัสเซีย ภายใต้การปกครองของ ซาร์ อิวาน ที่ 3 นิจนีนอฟโกรอดมีกองทัพประจำการสำหรับการต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรข่านแห่งคาซาน ในขณะเดียวกันก็มีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการก่อสร้างรัฐรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1612 กองกำลังของ คุซมา มินิน (Kuz’ma Minin) และเจ้าชายดมิสทรี โปจารสกี้ (Prince Dmistry Pozharsky) จากนิจนีนอฟโกรอด มีบทบาทสำคัญในการปลดปล่องให้เป็นอิสระจากการแทรกแซงของโปแลนด์
นิจนีนอฟโกรอดในยุคโซเวียต (Nizhny Novgorod in Soviet era)
ในยุคโซเวียตระหว่างปี ค.ศ. 1932 ถึง 1990 เมืองนี้ถูกตั้งชื่อใหม่ว่า แม็กซิม กอร์กี้ (Maxim Gorky) โดยนำนามปากกาของ “อเล็กเซ มักสิโมวิช เชสคอฟ (Alexei Maximovich Peshkov) นักเคลื่อนไหวลัทธิมาร์กซิสต์ชาวรัสเซีย และได้ชื่อว่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่กับนวนิยายที่บรรยายถึง ชีวิตที่น่าหดหู่ของชนชั้นกรรมาชีพในเมือง มาตั้งเป็นเกียรติในฐานะเมืองเกิดของเขา ตามคำเชิญของ โจเซฟ สตาลิน ให้กลับมาสหภาพโซเวียต ซึ่งบ้านเดิมในวัยเต็กของแม็กซิ กอร์กี้ ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รู้จักในชื่อ “บ้านคาชิริน (Kashirin House) ตามชื่อปู่ของเขา และเมืองแม็กซิม กอร์กี้ก็เป็น “เมืองต้องห้าม” สำหรับชาวต่างชาติในยุคสหภาพโซเวียตด้วยเช่นกัน เนื่องจากเมืองเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตยุทโธกรณ์และศูนย์วิจัยป้องกันประเทศ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองแม็กซิม กอร์กี้ถูกโจมตีทางอากาศและถูกทิ้งระเบิดอย่างหนัก โดยกองทัพเยอรมนีที่พยายามทำลายเมืองยุทโธปกรณ์หลักของสหภาพโซเวียต เมืองนี้ใช้ชื่อ แม็กซิม กอร์กี้ จนถึงปี ค.ศ. 1990 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นนิจนีนอฟโกรอดตามเดิม
นิจนีนอฟโกรอดในปัจจุบัน
ทุกวันนี้นิจนีนอฟโกรอดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองประวัติศาสตร์ทั้งการเมืองและการทหาร ได้รับการพัฒนาให้เป็นมหานครสมัยใหม่ มีการสร้างสะพานรถไฟใต้ดิน กระเช้าลอยฟ้า รถรางกระเช้าไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง นอกจากนี้นิจนีนอฟโกรอดยังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวล่องเรือแม่น้ำใหญ่ที่สุดของรัสเซีย รวมถึงเป็นสถานที่จัดนิทรรศการระดับนานาชาติที่สำคัญด้วยเช่นกัน
นิจนีนอฟโกรอดเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่ร่ำรวยที่สุดของรัสเซีย มีศิลปินที่โดดเด่นที่สุดได้รับการศึกษาจากโรงเรียนการละครและโรงเรียนศิลปะท้องถิ่น ซึ่งภายในเมืองนิจนีนอฟโกรอดมีโรงละคร พิพิธภัณฑ์ที่มีมากกว่า 16 แห่งทั่วเมือง และโรงภาพยนตร์จำนวนมาก เป็นเมืองที่มีการผสมผสานกันระหว่างอาคารสมัยเก่าที่โอบล้อมด้วยอาคารโบราณ สวยงามลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ
สถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองนิจนีนอฟโกรอด
นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน (Nizhny Novgorod Kremlin)
หรือ แกรนด์ เครมลิน (Grand Kremlin) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นป้อมปราการและพระราชวังยุคกลางที่ใหญ่โตน่าประทับใจ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1500 มีขนาดใหญ่กว่ามอสโคว์ เครมลินมาก ซึ่งเป็นรูปแบบการผสมผสานเทคโนโลยีการก่อสร้างแบบตั้งเดิมของรัสเซียและอิตาลี ภายในมีสวนสาธารณะที่มีอาคารบริหารและมรดกหลายแห่ง และทิวทัศน์ยอดเขาอันน่าทึ่งของแม่น้ำโอค่า (Oka River) และแม่น้ำโวลก้า (Volga River) ภายใน นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน มีโบสถ์ อาคาร พิพิธภัณฑ์
อนุสรณ์สถาน อนุสาวรีย์ และป้อมต่างๆ ล้อมรอบ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมายให้บอกเล่า
อาสนวิหารอัครทูตสวรรค์ไมเคิล (The Micheal the Archangel Cathedral)
หรือ อาสนวิหารอัครทูตสวรรค์มิคาอิล (Sobor Arkhangela Mikhaila) เป็นหนึ่งในสถานที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งใน นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน เดิมมีการก่อสร้างโบสถ์หลังแรกในปี ค.ศ. 1221 ต่อมาได้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และ อาสนวิหารอัครทูตสวรรค์มิคาอิล หลังปัจจุบันสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 เป็นโบสถ์หินแห่งแรกของเมือง สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงกองทหารอาสาสมัครของเมืองนิจนีนอฟโกรอด ในกองกำลังของคุซม่า มินิน ซึ่งมีความโดดเด่นพิเศษในสงครามระหว่างรัสเซียกับกองกำลังโปแลนด์-ลิทัวเนีย ในช่วงปี ค.ศ. 1612-1613
ในปี ค.ศ. 1704 อาสนวิหารอัครทูตสวรรค์มิคาอิลได้รับความเสียหายหนักระหว่างเหตุเพลิงไหม้ แต่ก็ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด แตกต่างจากอาคารทางศาสนาอื่น ๆ และอาสนาวิหารแห่งนี้โชคดีมากในยุคการปกครองของโซเวียต ที่ได้ถูกทำลายเช่นโบสถ์และอาสนาวิหารอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 60 ของศตวรรษที่ 20 มีบูรณะปรับปรุงในเขตสังฆาวาสของตนเอง ในขณะเดียวกันศพของ คุซมา มินิน วีรบุรุษชาวรัสเซียที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ในเหตุการณ์โปแลคส์ (Polacks) ในช่วงปี ค.ศ. 1612-1613 ได้ถูกย้ายมาฝั่งที่อาสนวิหารแห่งนี้ และในปี ค.ศ. 2009 ได้มีการติดตั้งระฆัง “ซาคอนนิค (Zakonnik)” ที่หนัก 530 กิโลกรัม บนหอระฆัง
เสาโอเบลิสก์เพื่อเป็นเกียรติแก่มินินและโปจารสกี้ (Obelisk in honour of Minin and Pozharsky)
ตั้งอยู่ภายในนิจนีนอฟโกรอด เครมลิน บริเวณตอนกลางฝั่งเหนือบนพื้นที่ราบตรงขอบภูเขาชาโซวาย่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1826 โดยตั้งอยู่ที่หน้า อาสนวิหารอัครทูตสวรรค์มีคาแอล (Sobor Arkhangela Mikhaila) ระหว่างการขนส่งได้เกิดการแตกหักแต่ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็วก่อนติดตั้ง เป็นเสาหินแกรนิตสูงเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชายดมิตรี่ โปจารสกี้ และ คุซม่า มินิน วีรบุรุษชาวรัสเซีย และเป็นอนุสาวรีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนิจนีนอฟโกรอด บริเวณฐานเสาตกแต่งด้วยภาพนูนต่ำสีทองพร้อมรูปภาพของวีรบุรุษทั้งสองท่าน
อนุสรณ์สถานแห่งความรักมาตุภูมิของชาวกอร์โกวิตในมหาสงคราม (Gorkovites in the Great Patriotic War)
หรือ วิชนี โอกอน (Vechnyy Ogon) เป็นสถานที่อุทิศให้กับพลเมืองของนิจนีนอฟโกรอด ที่เสียชีวิตระหว่างมหาสงครามแห่งความรักมาตุภูมิ ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิจนีนอฟโกรอด เครมลิน บริเวณ สวนมินิน (Minin Garden)
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ประกอบไปด้วย เปลวไฟนิรันดร์ (the Eternal Flame) ที่ตั้งอยู่บนพื้นในแกนเดียวกับเสาโอเบลิสก์ของมินินและโปจารสกี้ โดยแท่นเปลวไฟ
นิรันดร์ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็กและปิดหน้าด้วยแผ่นหินแกรนิตบาง แกะสลักบนผนังแนวตั้งเป็นภาพของนักรบสองคนในสไตล์โซเวียตอาร์ต (Soviet Art) มีเพียงเชิงเทินตรงขอบทางลาดและขั้นบันไดทั้งหมด ทำจากหินแกรนิตเนื้อแข็ง
มีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับการจัดวางข้อความบนอนุสรณ์สถาน แต่ในท้ายสุดก็ตัดสินใจที่จะทิ้งรายชื่อผู้เสียชีวิตไว้ในหนังสือแห่งความทรงจำ หรือปิดผนึกไว้ในแคปซูลภายในแผ่นหินแกรนิตที่ปูเป็นผนังแนวตั้งเท่านั้น ชื่อของวีรบุรุษแห่งมหาสงครามแห่งความรักชาติ และผู้ถือเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งความรุ่งโรจน์ในระดับต่างๆ ถูกวางบนแผ่นหินเตี้ยๆ
ในปี ค.ศ. 2010 มีการปรับปรุงอนุสรณ์สถานแห่งนี้ครั้งใหญ่ กระเบื้องโมเสคหินอ่อนที่เคยปูก่อนหน้า ได้ถูกแทนที่ด้วยแผ่นหินแกรนิตที่ปูรอบเปลวไฟนิรันดร์และหินปูพื้นโดยรอบ และแผ่นหินสูงและเตี้ยที่เคยเป็นที่มีรายชื่อผู้เสียชีวิตได้ถูกเปลี่ยนทิ้งและแทนที่ด้วยแผ่นหินแกรนิตเรียบที่ไม่ได้จารึกข้อความใดๆ
จวนผู้ว่าราชการเมืองนิจนีนอฟโกรอด (Governor's Palace of Nizhny Novgorod)
อดีตเคยเป็นวังของผู้ว่าราชการเมืองนิจนีนอฟโกรอดในยุคจักรวรรดิรัสเซีย ทำเนียบผู้ว่าราชการทหารในยุคโซเวียต และที่พักอาศัยของหัวหน้าของจังหวัดนิจนีนอฟโกรอด
ประวัติความเป็นมาของวังผู้ว่าราชการเมือง-ผู้บัญชาการทหารของนิจนีนอฟโกรอด ที่ตั้งอยู่ภายใน นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงทาง
ประวัติศาสตร์ แผนผังที่ตั้งของวังเป็นพระราชหัตถเลขาของจักรพรรดินิโคลัสที่ 1 และระหว่างการเยือนรัสเซียของอเล็กซองเดร ดูมาร์-ผู้บิดา นักเขียนชาวฝรั่งเศสได้มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งรัฐ นิจนีนอฟโกรอด
บ้านสามชั้นของอดีตผู้ว่าราชการทหาร ตั้งอยู่ภายในนิจนีนอฟโกรอด เครมลิน เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1837 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1841 อาคารหลักหันหน้าไปทางทิศใต้ไปยังอาสนวิหารอัครทูตสวรรค์มิคาอิล โดยมีระเบียงจวนและสวนผู้ว่าราชการเมือง (Governor’s garden) ที่ตั้งอยู่ด้านล่างหันหน้าไปทางทิศเหนือ ชั้นสองของจวนแบ่งเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องอื่นๆ อีกหลายห้อง ทุกห้องได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราและมีรสนิยม ชั้นสามของจวนจะมีห้องนั่งเล่นและ โบสถ์พระวิญญาณบริสุทธิ์ (The Church of the Holy Spirit) ซึ่งจัดถวายอยู่ในห้องโถง หันหน้าไปทางมุมตะวันออกเฉียงเหนือของอาคาร ตั้งแต่ 18 กันยายน ค.ศ. 1845 โดยมีท่านสาธุคุณจอห์น บิชอปแห่งนิจนีนอฟโกรอดและอาร์ซามาส เป็นผู้ทำพิธีมิสซาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1852
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งรัฐ นิจนีนอฟโกรอด (ภาพจิตกรรมรัสเซียนและโซเวียต) (Nizhny Novgorod State Art Museum (Russian and Soviet painting))
ตั้งอยู่ภายในจวนผู้ว่าราชการเมือง นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการดูแลอย่างดี จัดแสดงงานศิลปะหลากหลายประเภททั้งจากภายในรัสเซียและยุโรปตะวันตก ซึ่งเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมที่มีเสน่ห์อย่างแท้จริงของศิลปินชื่อดังในงานศิลปะยุคจักรวรรดิรัสเซีย และศิลปะยุคโซเวียต
เครมลิน อาเซนอล (Kremlin Arsenal)
ตั้งอยู่ริมกำแพงด้านในของ นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน ฝั่งตะวันตก ใกล้กับหอคอยดมิเทรียฟสกาย่า เป็นพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์แห่งเดียวในนิจนีนอฟโกรอด ที่มุ่งพัฒนางานศิลปะในบริบทที่กว้างขึ้นของวัฒนธรรมร่วมสมัย ภายในมีผลงานศิลปะมากมายที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดทางศิลปะแนวใหม่ๆ นอกกรอบ ภายในอาคารปืนใหญ่อันเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1843 ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญของรัฐบาลกลาง
หอคอยรอบนิจนีนอฟโกรอดเครมลิน (Towers around Nizhny Novgorod Kremlin)
หอคอยที่ตั้งอยู่บนกำแพงล้อมรอบเมืองเก่าของนิจนีนอฟโกรอด มีทั้งหมด 13 จุด โดยมีหอคอยสำคัญ เช่น “หอคอยดมิเทรียฟสกาย่า (Dmitrievskaya Tower)” เป็นหอคอยหลักบนกำแพงเมืองด้านทิศใต้ ที่สามารถมองเห็น “จัตุรัสมินินและโปจารสกี้ (Minin and Pozharsky Square)” และเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพตัวเมืองนิจนีนอฟโกรอดกับฉากบรรยากาศรอบตัว และ “หอคอยทีนิตสกาย่า (Taynitskaya tower)” หรือ หอคอยลับ (Secret Tower) ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปยามพระอาทิตย์อัสตงบริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำโอค่าและแม่น้ำโวลก้า เป็นต้น
อนุสาวรีย์มินินและโปจารสกี้ (Monument to Minin and Pozharsky)
เป็นอนุสาวรีย์ที่จำลองรูปแบบมาจากอนุสาวรีย์ต้นฉบับ ที่ตั้งอยู่หน้ามหาวิหารเซนต์เบซิลและมอสโคว์ เครมลิน ในกรุงมอสโคว์ ทุกประการแต่มีขนาดเล็กกว่า 5 ซม. สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเจ้าชายดมิตรี่ โปจารสกี้ และคุซม่า มินิน ซึ่งเป็นผู้รวบรวมกองทัพอาสมัครชาวรัสเซียทั้งหมด ขับไล่กองกำลังของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย ภายใต้การบังคับบัญชาของกษัตริย์ซิกิสมุนด์ ที่ 3 แห่งโปแลนด์ ที่เข้ามารุกรานดินแดนรัสเซีย ซึ่งเป็นการยุติยุคแห่งปัญหาในปี ค.ศ. 1612 และเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์โรมานอฟ จนกระทั่งถึง “เหตุการณ์กุมภาปฎิวัติ
ในปี ค.ศ. 1917 (February Revolution in 1917)” ที่ทำให้รัสเซียเปลี่ยนการปกครองสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ ถือเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ในใจชาวรัสเซีย รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาเยือนเมืองนี้ ได้ทำความรู้จักกับตัวอย่างงานประติมากรรมที่น่าทึ่งและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
บันไดชกาลอฟ (Chkalov Stairs)
บันไดชกาลอฟ เป็นบันไดที่ได้รับการยกฐานะเป็นอนุสรณ์สถาน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนิจนีนอฟโกรอด เป็นจุดเชื่อมระหว่างตัวเมืองนิจนีนอฟโกรอดด้านบนกับแม่น้ำโวลก้าด้านล่าง โดยเป็นบันไดที่ยาวที่สุดในรัสเซีย โดยจุดเริ่มต้นด้านบน จาก หอคอยจอร์เจียฟสกาย่า (Georgievskaya Tower) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ อนุสาวรีย์วาเลรี่ ปาฟโลวิช ชกาลอฟ (Monument to Valery Pavlovich Chkalov) นักบินทดสอบที่ได้รับรางวัล วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1936
ลงบันไดจำนวนทั้งหมด 560 ขั้น ไปยังอนุสาวรีย์รูปเรือที่ชื่อ “ฮีโร่ (Hero)” ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าริมแม่น้ำโวลก้าเบื้องล่าง
การก่อสร้าง บันไดชกาลอฟ เริ่มต้นกลางทศวรรษที่ 1940 ซึ่งที่ตั้งของ บันไดชกาลอฟ ถูกเรียกว่า เนินโวลก้า (Volga slope) ซึ่งเป็นจุดชมวิวนิยมของชาวเมืองกอร์กี้ซิตี้ แนวคิดแรกในการก่อสร้างเพื่อต้องการเชื่อมระหว่างตัวเมืองกับแม่น้ำโวลก้าที่อยู่เบื้องล่าง และเอาชนะ บันไดโปเตมกิ้น (Potemkin Stairs) ในเมืองโอเดสซา ของยูเครนปัจจุบัน แต่โครงการต้องชะงักลงเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น จนถึงปี ค.ศ. 1943 เมืองกอร์กี้ซิตี้ได้เริ่มสร้างอาคารรวมถึงสถานประกอบการอุตสาหกรรมที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่ หลังการทิ้งระเบิดของเยอรมัน ซึ่งกองทัพสหภาพโซเวียตเป็นฝ่ายชนะในสมรภูมิที่สตาลินกราด ในปี ค.ศ. 1943 โดยนำเชลยศึกชาวเยอรมันมาร่วมในงานก่อสร้าง หลังจากสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1949 ชูล์ปิน (Shulpin) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดและผู้จัดการโครงการ ถูกจับกุมและพิพากษาลงโทษในข้อหายักยอกเงินโครงการ แต่ได้รับกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาในปี ค.ศ. 1953 หลังสตาลินถึงแก่อสัญกรรม
ปัจจุบัน บันไดชกาลอฟ เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองที่ “ต้องมาเยือน” เป็นจุดถ่ายภาพวิวของจุดบรรจบของแม่น้ำโวลก้ากับแม่น้ำโอค่าอีกหนึ่งจุดของเมือง และมีการแข่งขันกีฬาบนบันไดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมแห่งรัฐ นิจนีนอฟโกรอด (Nizhny Novgorod State Museum of History and Architecture)
ตั้งอยู่ภายในคฤหาสน์หรูหราของตระกูลรูกาวิชนีคอฟ (Mansion of Rukavishikov) ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำโวลก้า ถัดจากอนุสาวรีย์วาเลรี่ ชกาลอฟ ตัวอาคารได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการจัดนิทรรศการศิลปะและทัวร์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยงาม แสดงถึงความใหญ่โตและคุณค่าวัตถุที่จัดแสดง สะท้อนถึงชีวิตแห่งความหรูหราและฟุ่มเฟือย รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ครอบครัวชาวรัสเซียผู้ร่ำรวยต้องเผชิญ ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งของต่างๆ มากมาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ รูปปั้น ภาพวาด
การออกแบบ การตกแต่งภายในห้องต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องเต้นรำที่เคยมีการจัดงานต่างๆ มากมาย ซึ่งเหล่าพ่อค้า คหบดี และชนชั้นสูงรัสเซียในเมือง ได้มารวมตัวกันบนสนามหญ้าภายในคฤหาสน์แห่งนี้ ใช้เวลาในการเดินชมประมาณ 2-3 ชั่วโมง
อาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ (Alexander Nevsky Cathedral)
หรือ อาสนาวิหารแห่งเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ (Cathedral of the Holy Blessed Prince Alexander Nevsky) ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1864 โดยการริเริ่มของพ่อค้าท้องถิ่น เพื่อรำลึกถึงการเสด็จเยือนของจักรพรรดิอเล็กซานเดือนที่ 2 ในงานนิจนีนอฟโกรอด แฟร์ ขณะเดียวกันก็จัดให้เป็นสถานที่สักการะสำหรับผู้แสวงบุญชาวรัสเซียนออร์โธดอกซ์ที่ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
อาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ เดิมตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง และมีชื่อเสียงในด้านการปกป้องโบราณวัตถุ และเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ และมีรูปเคารพของนักบุญนิโคลัสผู้อัศจรรย์ (St. Nicholas the wonderworker) นักบุญเซอร์จิอุสแห่งราโดเนซ (St. Sergius of Radonezh) และ นักบุญปีเตอร์และนักบุญเฟฟโรเนียแห่งมูรอม (St. Peter and Fevronia of Murom)
ต่อมาในปี ค.ศ. 1868 ได้ย้ายมายังบริเวณริมปากแม่น้ำโอค่าบรรจบกับแม่น้ำโวลก้า ตรงข้ามกับ นิจนีนอฟโกรอด เครมลิน แม้จะยังยังสร้างไม่เสร็จแต่ในปี ค.ศ. 1888 ได้ถวายต่อพระพักตร์ของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พร้อมด้วยพระจักรพรรดินีเฟโอโดรอฟนา และเจ้าชายนิโคลัสพระโอรส ที่มาร่วมในงานพิธี
อาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ มีความแตกต่างจากโบสถ์อื่นตรงที่ไม่มีเขตสังฆวาสชัดเจนถาวร ทำให้พลเมืองโดยรอบโบสถ์กลายเป็นเหล่าพ่อค้าที่เดินทางมาร่วมงานนิจนีนอฟโกรอด แฟร์ อันโด่งดัง จนทำให้อาสนวิหารที่มีอีกชื่อว่า “โนโวยารโมโรชเนีย (Novoyarmorochny) ซึ่งมีความหมายว่า “เทศกาลใหม่ (New Fair) ซึ่งอาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ ได้กลายเป็นสถานที่พบปะยอดนิยมสำหรับแขกผู้มีเกียรติต่างๆ ของเมือง
รูปแบบสถาปัตยกรรมของอาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้
โครงสร้างและรูปแบบสถาปัตยกรรม ที่มีลักษณะเฉพาะปรากฏชัดตั้งแต่เริ่มสร้าง ด้วยความสูงถึง 87 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับสามของประเทศ โดยรองจากอาสนวิหารพระคริสต์ผู้ช่วยให้รอดแห่งกรุงมอสโคว์ (Cathedral of Christ the Saviour) และ หอระฆังอิวานมหาราช (Ivan the Great Bell Tower) ในมอสโคว์ เครมลิน เนื่องจากมีผังโครงสร้างและรูปลักษณ์ที่เพ้อฝันผิดสัดส่วนปกติทั่วไป จึงกลายเป็นสถานที่สำคัญบนริมฝั่งแม่น้ำโอค่าและโวลก้าอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวอย่างงานสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งและงดงามของเมืองนิจนีนอฟโกรอด โดยมีลักษณะสถาปัตยกรรมผสมผสาน การตกแต่งภายนอกเป็นการผสมผสานขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เป็นโบสถ์หลังคาแหลมคล้ายกระโจมฐานแปดเหลี่ยม โดยมีปลายยอดแหลมเป็นโดมหัวหอมสีทอง โดมประธานขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางโบสถ์ทรงกากบาท ล้อมด้วยโดยบริวารขนาบข้างสี่มุมรอบโบสถ์
อาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ ในยุคโซเวียต
ในช่วงทศวรรษที่ 1900 อาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ ถูกรัฐบาลโซเวียตบังคับปิด และทรัพย์สินของโบสถ์ถูกยึด รูปเคารพแกะสลักและการตกแต่งภายในด้วยไม้ถูกทำลาย นำไปเป็นฟืนสำหรับทำความร้อนให้กับบ้านในบริเวณโบสถ์ ซึ่งประชาชนที่โศกเศร้าสามารถกอบกู้สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์กลับมาได้เพียงเศษเสี้ยว โดยการซ้อนไว้ในผนังของ โบสถ์พระตรีเอกานุภาพแห่งวีโซคอฟสกี้ (Vysokovsky Holy Trinity Church)
การบูรณะอาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้
ความพยายามในการปรับปรุงอาสนวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ เริ่มต้นภายใต้โครงการบูรณะพิเศษในปี ค.ศ. 1984 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2006 และอาสนวิหารเริ่มดำเนินการทางศาสนาได้ในปี ค.ศ. 1992 จนถึงปี 2009 ก็ได้รับสถานะ “อาสนาวิหาร” อย่างเป็นทางการและตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโอค่าและโวลก้าจนถึงปัจจุบัน และสามารถมองเห็นได้จากทุกที่ในเมืองนิจนีนอฟโกรอด