ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ : 3 แหล่งโบราณคดีทางพุทธศาสนาบน คาราโครัมไฮเวย์ ตักศิลา
เมืองตักศิลาถือเป็นมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีซากโบราณสถานสำคัญดังนี้
พิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum)
พิพิธภัณฑ์ตักศิลาเป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุจากแหล่งโบราณคดีบริเวณรอบๆ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่มากที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เมื่อปากีสถานอยู่ภายใต้จักรวรรดิอินเดียของอังกฤษ โดยในห้องโถงจะพบรูป สลักของพระพุทธเจ้าศิลปะคันธาระขนาดใหญ่ ที่ได้จากซากปรักหักพังของแหล่งโบราณคดีในพื้นที่ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ฐานสถูปที่ภาพสลักเรื่องราวตำนานทางพุทธศาสนาที่ตกแต่งอยู่บนรอยแยกบริเวณฐานสถูป แบบจำลองของ สถูปปฏิญาณ (Votive Stupa) ที่ตั้งอยู่ที่โมหรา โมราดู มีลักษณะเป็นเจดีย์ฉัตร 7 ชั้น เล็กๆ ซึ่งของจริงยังคงหลงเหลืออยู่ที่ซากอารามที่โมหรา โมราดู
ขณะที่ยอดสถูปชิ้นหนึ่งมีลักษณะคล้ายกับยอดเจดีย์สาญจีในอินเดียมาก ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ มีลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประดับยอดด้วยฉัตร 3 ชั้น รอบๆ มีราวบันได ที่รั้วไม้ถูกแทนที่ด้วยหิน เจดีย์จะมีการประดับด้วยอัญมณีหรือหินสี
ฐานสถูปฏิญาณบางชิ้นที่นำมาจัดแสดง ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ มีการประดับรูปของพระพุทธเจ้าที่แบ่งเป็นห้องด้วยเสากรีก และมีเทพแอตลาสแบกค้ำอยู่ที่ฐานของแท่น
ศิลปวัตถุที่จัดแสดงอยู่มากมายภายในพิพิธภัณฑ์ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่าง วัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก บางชิ้นแสดงลวดลายพู่ห้อย เช่น ภาพสลักของชายหนุ่มแบกพู่ห้อย (มาลัยดอกไม้) ซึ่งมีต้นกำเนิดในกรีกและโรมัน และเป็นที่นิยมอย่างมากในคันธาระ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยมีภาพสลักกามเทพอยู่ระหว่างส่วนบนของพู่ห้อยที่ชายหนุ่มแบกไว้ และส่วนล่างของพู่ห้อยประดับด้วยองุ่นและริบบิ้น
รูปสลักที่น่าทึ่งของชาวต่างชาติที่ยืนอยู่ข้างพระพุทธรูป ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งประดับอยู่ในซากปรักหักพังของอารามจูเลี่ยน นักโบราณคดีอธิบายว่า “อาจเป็นโยมอุปฐากและภรรยาของเขา” เชื่อกันว่าเป็น ชนเผ่าซากะ (ชนเผ่าที่มีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณรัฐปัญจาบ ลุ่มแม่น้ำสินธุ เอเชียกลาง และแอ่งทะเลทรายทาริม ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เป็นเครือญาติกับชาวไซเธียน) ซึ่งสังเกตได้จากรูปร่างหมวก
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงรูปสลักลอยตัวของ “อะโฟรไดท์ (Aphrodite)” เทพีแห่งความรักของกรีก ซึ่งเป็นความแปลกที่มีรูปเคารพในศาสนาอื่นปรากฏอยู่ในแคว้นคันธาระ
คาราโครัมไฮเวย์ : พิพิธภัณฑ์ตักศิลา
คาราโครัมไฮเวย์ : พิพิธภัณฑ์ตักศิลา
คาราโครัมไฮเวย์ : พิพิธภัณฑ์ตักศิลา
คาราโครัมไฮเวย์ : พิพิธภัณฑ์ตักศิลา
ศิลปะคันธาระ (Gandhara Art)
หรือ พุทธศิลป์แบบกรีก (Greco-Buddhist art) ศิลปะลูกผสมระหว่างศิลปะกรีกโบราณกับความเชื่อทางศาสนาพุทธ ซึ่งปรากฏให้เห็นมากมายในอดีตแคว้นคันธาระ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของศิลปะคันธาระ สามารถสืบย้อนไปได้ถึงช่วง 1,000 ปี ระหว่างการพิชิตของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ และในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์เมารยะ ในช่วง 268 ปีก่อนคริสตกาล ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยศิลปะคันธารันในช่วงแรกสุดปรากฏในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1 ระหว่างยุคซากะ-ปาร์เธียน และต่อมาในสมัยราชวงศ์กุษาณะ แต่ศิลปะคันธาระเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริงในสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์กนิษกะแห่งราชวงศ์กุษาณะ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยในเวลานี้เองมีการสร้างพระพุทธรูปในรูปแบบมนุษย์องค์แรก
ศิลปะคันธาระมีจุดศูนย์กลางของศิลปะอยู่ที่องค์พระพุทธเจ้า ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปสักการะในเชิงสัญลักษ์ หรือประติมากรรมนูนต่างๆ ซึ่งรวมถึงชีวิตของพระพุทธเจ้า แม้ว่าจะมีการระบุชาดก (เรื่องราวในชาติต่างๆ ก่อนจะประสูติเป็นพระพุทธเจ้า) ซึ่งมีอยู่มากมายในศิลปะคันธารัน ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ แต่แก่นของ ศิลปะคันธาระ คือชีวิตในทางประวัติศาสตร์และชีวประวัติของพระเจ้า เช่น ฉากตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน (การประสูติ การสละ การจากไป การตรัสรู้ การปรินิพพาน ฯลฯ) ซึ่งเนื้อหาหลักของประติมากรรมนูนทั้งสูงและต่ำ เป็นประติมากรรมที่ถูกใช้กันมากที่สุดในการตกแต่งสถูปเจดีย์ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำปฏิญาณจำนวนมากมายในเมืองคันธาระ นอกเหนือภาพสลักนูนต่ำและนูนสูงแล้ว ยังมีการสร้างพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์หลายพันองค์ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ตั้งแต่รูปเคารพเล็กๆ ไปจนถึงรูปสลักขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างและวางไว้ในอุโบสถ สถูปเจดีย์ และอารามต่างๆ ทั่วภูมิภาค
ศิลปะคันธาระได้รับการพัฒนาจากการแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรมที่ซับซ้อน ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เป็นวัฒนธรรมทางภาพที่ผสมผสานกัน ซึ่งรวบรวมสไตล์ ลวดลาย และสัญลักษณ์ทางประเพณีในศิลปะกรีก โรมัน ปาร์เธียน เอเชียกลาง และอินเดีย วัสดุที่ใช้สำหรับการงานประติมากรรมคันธาระ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหินแปรเฉดสีต่างๆ เช่น สีเทา สีฟ้า และสีเขียว เป็นต้น และช่วยให้สามารถแกะสลักอย่างละเอียดได้ เดิมทีประติมากรรมคันธาระใช้การถม (ลงสี และปิดทองในบางกรณี) ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ในช่วงหลายศตวรรษต่อมา ยุคศิลปะคันธาระตอนปลาย มีการใช้หินลดลง และปูนขาวหรือปูนปั้นกลายเป็นสื่อยอดนิยมสำหรับการตกแต่งประติมากรรมและสถาปัตยกรรม
รูปแบบและลักษณะของศิลปะคันธาระไม่เพียงแต่มีอิทธิพลต่อศิลปะมถุรา (Art of Mathura บางทีก็เรียกว่า มธุรา) และศิลปะฮินดูของจักรวรรดิคุปตะเท่านั้น ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ แต่ยังแผ่ขยายขึ้นทางเหนือ ไปตามเส้นทางสายไหมสู่เอเชียกลางและท้ายสุดในจีน เกาหลี และญี่ปุ่น
เนินภีร์ (Bhir Mound)
แนวซากเนินภีร์เป็นหลักฐานของการเป็นเมืองแรกสุดที่ก่อตั้งขึ้นที่เมืองตักศิลาโบราณ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟตักศิลาและทามร่า นาลา แม่น้ำสายหลักของเมือง ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ จากหลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดีชี้ให้เห็นว่าเมืองนี้เคยถูกทำลายไปแล้วสามครั้ง และสร้างขึ้นใหม่ก่อนที่ชาวอินโดกรีกจะก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ ที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ สิรกัป
ตามที่เซอร์ จอห์น มาร์แชล กล่าวไว้ว่า เนินภีร์สร้างขึ้นเมื่อ 600-200 ปี ก่อนคริสตกาล ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งเขาได้ขุดพบหลักฐานเพียงสองส่วนของพื้นที่ทั้งหมด การขุดค้นทางโบราณคดีในเวลาต่อมาได้เผยให้เห็นโครงสร้างในพื้นที่เล็กๆ สองแห่ง คือ พื้นที่ทางทิศตะวันออก ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ประกอบด้วยบ้านเรือน ถนนในเมือง และตรอกซอกซอยที่มีระบบระบายน้ำ การจัดการสุขอนามัย ฯลฯ ส่วนทางทิศตะวันตกที่เซอร์ มาร์แชลเคยขุดไว้นั้น เป็นศาสนสถาน
ผังของเมืองที่ขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง ไม่มีกำแพงป้องกันเมือง ถนนที่ส่วนใหญ่แคบและคดเคี้ยว ซากเมืองประกอบด้วยโครงสร้างของที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ แบ่งตามถนนและช่องทางเดินรถ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ บ้านแต่ละหลังในบริเวณเนินภีร์ มีบ่อน้ำแช่น้ำอยู่ในลานบ้าน ลานโล่งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง มีห้องเล็กๆ 15 ถึง 20 คูหา ตั้งอยู่รอบๆ ลาน บ้านหลายๆ หลังมีหน้าต่างหลายบาน และหลังคาทำจากคานไม้เรียงกันแล้วปิดทับด้วยโคลน ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ สันนิษฐานว่าบริเวณที่มีเรือนแบบนี้น่าจะเป็นของชนชั้นสูง ซากโครงสร้างส่วนใหญ่สร้างด้วยหินปูนและคันจูร์ (Kanjur คำแปลของพระวจนะ)
วัตถุโบราณที่ค้นพบจากเนินภีร์ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนภาษาอาราเมอิกซึ่งเป็นที่มาของเหรียญ ที่ตอกหมุด จารึกด้วยอักษรท้องถิ่นที่เรียกว่า “อักษรขโรษติ (Kharoshati)” รวมถึงเงินเหรียญแท่งโค้ง และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ อีกมากมาย ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เช่น เครื่องปั้นดินเผาในครัวเรือน โถเก็บของขนาดใหญ่ ของเล่นดินเผา ถาดห้องน้ำ ลูกปัดหินกึ่งมีค่า แก้วกระดูกและงาช้าง ตราประทับ วัตถุที่เป็นโลหะ และของใช้ประจำวันอีกหลายชิ้น ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ก็ถูกขุดพบจากเนินภีร์แห่งนี้เช่นกัน
เนินภีร์ผ่านการขุดค้นมาหลายครั้ง โดยในการทำงานของดร. อัชราฟ ข่าน ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ได้เผยให้เห็นวัฒนธรรมสองยุคที่แตกต่างกันอย่าง อะแคมาเนียนและเมาริยะ โดยจักรพรรดิดาริอุสที่ 1 แห่งจักรวรรดิอะแคเมนิด เข้าพิชิตคันธาระได้สำเร็จในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล และก่อตั้งเมืองหลวงของจังหวัดที่เนินภีร์แห่งนี้ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ แต่หลังจากการพ่ายแพ้ของจักรพรรดิดาริอุสที่ 2 ที่ยอมจำนนต่ออเล็กซานเดอร์มหาราชในปี ค.ศ. 326 ก่อนคริสตกาล เมืองตักศิลาก็ได้รับเอกราชและภายใต้การปกครองของอัมบี ซึ่งเป็นผู้นำท้องถิ่น ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ทำให้เนินภีร์กลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองของตักศิลา และกษัตริย์อภิศเรสแห่งอาณาจักรอภิศระของชาวกัศมีระ (แคชเมียร์) ได้ส่งทูตมาสวามิภักดิ์ต่ออเล็กซานเดอร์มหาราชที่เมืองแห่งนี้
การสิ้นพระชนม์ของอเล็กซานเดอร์มหาราชในปี 323 ก่อนคริสตกาล ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ได้ทำลายโครงสร้างของจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ของพระองค์ เจ้าชายจันทรคุปต์แห่งราชวงศ์เมารยะได้รวบรวมชาวอินเดียภายใต้การนำทัพของเขา ขับไล่กองทหารรักษาการณ์ชาวกรีกออกจากเมืองตักศิลา ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ และสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งอินเดีย ในปี ค.ศ. 305 ก่อนคริสตกาลกษัตริย์จันทรคุปต์เอาชนะเซลิวคัสที่ 1 นิเคเตอร์ อดีตขุนศึกของอเล็กซานเดอร์มหาราช ในสงครามเซลิวซิด-เมารยัน ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งจบลงด้วยสนธิสัญญาการแต่งงานระหว่างกษัตริย์คุปต์กับเฮเลน่าบุตรสาวของเซลิวคัส
ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเมารยะ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ตักศิลามีสถานะเป็นเมืองเอกของจังหวัดและเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการค้าที่ยอดเยี่ยม มกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิเมารยะ เช่น เจ้าชายสุซีม่า (Susima) เจ้าชายอโศกา (Ashoka) และเจ้าชายกุนาลา (Kunala) ก็ปกครองเมืองตักศิลาเช่นกัน ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอโศกมหาราช จักรวรรดิเมารยะก็ล่มสลาย
ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ แคว้นคันธาระและตักศิลา (เนินภีร์) ถูกชาวกรีกอินโดเข้ายึดครอง และย้ายเมืองหลวงของตักศิลาโบราณ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ไปยังเมืองสิรกัป (Sirkap) ที่ห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือระยะทางประมาณ 2.5 กม. (ในปัจจุบัน)
เนินภีร์ หรือ ภีร์ เมานด์ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ได้รับการรวมอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก้ ในปี ค.ศ. 1980 ภายใต้อนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก
คาราโครัมไฮเวย์ : เมืองโบราณศิรกัปต์
คาราโครัมไฮเวย์ : เมืองโบราณศิรกัปต์
ธรรมราชิกสถูป (Dharmarajika Stupa)
หรือ ชีร โทเป (Chir Tope) เป็นเจดีย์ธรรมราชิกาที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ตั้งอยู่บนเส้นทางตะวันออกเลียบลำธารตัมร่า ทางตอนใต้ของเนินฮาธิล (Hathial Mound) ห่างจากพิพิธภัณฑ์ตักศิลาประมาณ 3 กม. โดยที่มาของคำว่า “ธรรมราชิกา (Dharmarajika)” คือ การสร้างเจดีย์ขึ้นเหนือพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นธรรมราชาที่แท้จริง ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เมืองตักศิลาเป็นหนึ่งในหลายๆ เมืองในจักรวรรดิเมาริยะ ที่ได้รับแบ่งพระธาตุศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าอโศก เจดีย์ธรรมราชิกาถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
กลุ่มเจดีย์ธรรมราชิกาครอบคลุมเกือบตลอดช่วงเวลาของประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในเมืองตักศิลา ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลจนถึงศตวรรษที่ 7 เจดีย์หลักสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์เมารยะ แต่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 40 และสร้างขึ้นใหม่สองครั้งในสมัยราชวงศ์กุษาณะ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ กลุ่มเจดีย์ธรรมราชิกาทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างหลายชนิด เรียกว่า “บริเวณสถูป” และส่วนที่สองตั้งอยู่ทางทิศเหนือเรียกว่า “เขตสังฆาวาส”
เจดีย์หลักสร้างเป็นผังวงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 43 ม. สูง 15 ม. ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เจดีย์สร้างด้วยอิฐแข็ง มีระเบียงยกสูงรอบฐานและบันไดสี่ขั้น โครงสร้างนี้ล้อมรอบด้วยทางเดินเปิดโล่ง ซึ่งใช้ในสมัยโบราณเป็นเส้นทางสำหรับขบวนแห่ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ลานภายในบริเวณเจดีย์นั้นล้อมรอบด้วยอุโบสถจำนวนมากและสถูปปฏิญาณหลายแห่ง สร้างขึ้นโดยผู้แสวงบุญและผู้มาเยือน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 1 และตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 จนถึงศตวรรษที่ 5 ตามลำดับ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เจดีย์เหล่านี้ตกแต่งด้วยพระพุทธรูปและรูปสลักเล็กๆ ทางทิศเหนือของเจดีย์ใหญ่เป็นเขตสังฆาวาส ซึ่งเป็นที่พักสงฆ์และที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ
มีการขุดพบโบราณวัตถุหลายชิ้นจากเจดีย์ธรรมราชิกา ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งทั้งหมดได้รับการเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ตักศิลา สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือพบพระธาตุในอุโบสถด้านข้างแห่งหนึ่ง ซึ่งมีคัมภีร์เงินที่บันทึกการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นี่ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ อุปราชแห่งบริติชอินเดียในขณะนั้น ได้เสนอมอบให้กับชาวพุทธในประเทศศรีลังกา และนับแต่นั้นเป็นต้นมา พระธาตุเขี้ยวแก้วก็ได้ไปประดิษฐานที่วัดในเมืองแคนดีในศรีลังกาจนถึงปัจจุบัน
ธรรมราชิกาถูกขุดขึ้นมาในปี ค.ศ. 1912-1916 ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยนายกูลาม ฆาดีร์ (Ghulam Qadir) ภายใต้การดูแลของ เซอร์ จอห์น มาร์แซล และในปี ค.ศ. 1934-1936 โดยนาย เอ.ดี. ซิดดิกี ในปี ค.ศ. 1980 ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ กลุ่มธรรมราชิกาเจดีย์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก้ เนื่องจากความสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือรูปแบบที่โดดเด่นอื่นๆ
คาราโครัมไฮเวย์ : ธรรมราชิกาสถูป
คาราโครัมไฮเวย์ : เมืองโบราณศิรกัปต์
อารามจูเลี่ยน (Jaulian Monastery)
กลุ่มอารามจูเลี่ยน ถูกรวมอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ ในปี ค.ศ. 1980 ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ห่างจากพิพิธภัณฑ์ตักศิลา ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 7 กม. สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีความสูง 92 เมตร รากฐานดั้งเดิมได้รับการยืนยันว่าเป็นซากอารามในสมัยราชวงศ์กุษาณะ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล อารามที่จูเลี่ยนเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งดึงดูดนักศึกษาจากดินแดนอนุทวีปและดินแดนอื่นๆ จากเอเชียกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีน ซึ่งถูกทำลายลงในศตวรรษที่ 5
อารามจูเลี่ยน ประกอบด้วยพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์หลักซึ่งมีเจดีย์กลางและเจดีย์ขนาดเล็กอีก 27 องค์ และอารามที่มีลาน 2 แห่งพร้อมด้วยกุฏิของพระภิกษุและห้องสวดมนต์จำนวนมาก ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ อนุสรณ์สถานต่างๆ ในจูเลี่ยน ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และอยู่ในสภาพการอนุรักษ์ที่ดีกว่า ประติมากรรมปูนปั้นที่ดีที่สุดบางชิ้นถูกย้ายไปที่พิพิธภัณฑ์ตักศิลาเพื่อจัดแสดง ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ รวมถึงการค้นพบโบราณวัตถุต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนของต้นฉบับทางพุทธศาสนาที่เขียนด้วยภาษาสันสกฤต ตัวอักษรพราหมณ์ในศตวรรษที่ 5 และ เหรียญทองแดงของกษัตริย์กุษาณะผู้ล่วงลับและผู้ปกครองอินโด-ซัสซาเนียน
ประติมากรรมพระพุทธรูปปางประทับนั่ง ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งมีรูกลมที่พระนาภี (สะดือ) และมีจารึกอักษรขโรษตีอยู่ข้างใต้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยมีข้อความจารึกว่า “ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นของประทานจากพุทธมิตร ผู้ยินดีในธรรม รูตรงสะดือมีไว้เพื่อให้ผู้สักการะใช้นิ้วสอดเข้าไป เมื่อสวดมนต์แก้โรคทางกายบางอย่าง
นาย นเตสะ ไอยาร์ ได้ทำการขุดค้นสถานที่แห่งนี้ในปี ค.ศ. 1916-1917 ภายใต้การดูแลของเซอร์ จอห์น มาร์แชล ในช่วงปลายศตวรรษที่ 5 ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ อารามที่จูเลี่ยนได้ถูกทิ้งร้างเช่นเดียวกับศาสนสถานทางพุทธศาสนาอื่นๆ ในตักศิลาวัลเล่ย์
โมหรา โมรดู (Mohra Moradu)
กลุ่มพุทธศาสนสถานโบราณขุดค้นพบในโมหรา โมราดู มีอายุย้อนไปถึงยุคกุษาณะ ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 2 ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ และได้รับการปรับปรุงและขยายออกอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 4 และ 5 ก่อนคริสตกาล ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยซากสิ่งก่อสร้างในโมหรา โมราดู ตั้งอยู่ในหุบเขาด้านหลังหมู่บ้านโมหรา โมราดู ห่างจากเมืองสิรสุข (Sirsukh) ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1.6 กม. ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ถูกขุดขึ้นมาภายใต้การดูแลของ เซอร์ จอห์น มาร์แชล โดยนายอับดุล กาดีร์ในปี ค.ศ. 1914-1915 และถูกรวมอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1980
ภายในหุบเขา ลานเทอร์เรซรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกสร้างขึ้นโดยผู้สร้างชาวพุทธ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ และด้านข้างของระเบียงมีสถูปเจดีย์และอาราม ซึ่งสถูปหลักและอารามได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างดีอย่างน่าทึ่ง โดยมีความสูงระหว่าง 4.5-6 ม. ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ และยังคงรักษาภาพปูนปั้นนูนต่ำ-สูงบนผนังไว้อย่างดี น่าชื่นชมมาก
อารามที่เชื่อมต่อกับสถูปเจดีย์ ในลานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบด้วยห้องโถงกว้างขวางหลายห้องทางด้านตะวันออก ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยมีทางเดินเข้าลานตั้งอยู่ทางทิศเหนือที่เข้าถึงได้ด้วยบันไดกว้างๆ และมีบันไดที่ด้านบนนำไปสู่ระเบียงเล็กๆ ผนังด้านทิศตะวันตกของมุขมีซุ้มโค้ง ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งมีรูปปั้นนูนสูงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี คือ พระพุทธรูปที่อยู่ตรงกลางและผู้สักการะ 4 คนขนาบทั้งสองข้าง เมื่อเดินผ่านจากระเบียงเข้าสู่ด้านในของอาราม ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ เราจะพบว่าตนเองอยู่ในลานกว้างขวาง ซึ่งมีกุฏิ 20 ห้องเรียงกันทั้งสี่ด้านและบางคูหาจะมีช่องเล็กๆ สำหรับวางโคมไฟ ตรงกลางลานมีเนินสูง 2 ฟุต มีบันไดลงมาจากทั้ง 4 ด้าน ซึ่งเป็นสถานที่ชำระร่างกาย เรียกว่า “ชันตฆรา (Jantaghara)” เป็นส่วนเสริมที่ขาดไม่ได้ของอารามพุทธศาสนาทุกแห่ง
หนึ่งในคอลเล็กชั่นที่ดีที่สุดของประติมากรรมปูนปั้นที่ถูกค้นพบในเมืองตักศิลา ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ โดยโมหรา โมราดู คือ กลุ่มประติมากรรมพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ ปัจจุบันวัตถุโบราณส่วนใหญ่ถูกย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ตักศิลา กำแพงสถูปเจดีย์ตกแต่งด้วยปูนปั้นนูนต่ำ-สูงจำนวนมาก ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ สันนิษฐานว่าพื้นผิวทั้งหมดของโครงสร้างจนถึงด้านบนของสิ่งก่อสร้างจะเต็มไปด้วยรูปปั้นต่างๆ ในบรรดาเศียรหลายเศียรที่พบรอบๆ ฐานสถูปเจดีย์ ถูกนำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ตักศิลา ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งหลายเศียรอยู่ในสภาพดีเป็นพิเศษในการอนุรักษ์ บนพื้นผิวของประติมากรรมมีความเรียบลื่น ใบหน้าของรูปปั้นเหล่านี้ถูกทิ้งให้เป็นสีขาว แต่ริมฝีปาก ขอบจมูก รอบพับของเปลือกตา รอยพันของคอ และติ่งหูล้วนทาสีแดง ผมมีสีเทาปนดำ ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ แต่สีโพลีโครม (Polychrome การลงสีแบบหลากหลายสี) ส่วนใหญ่หายไปแล้ว
ของล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่ง คือ สถูปเจดีย์ปฏิญาณเล็กๆ ที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์ทุกรายละเอียด ทัวร์คาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งพบภายในคูหาหมายเลข 19 ด้านซ้ายของอาราม สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่ครูบาอาจารย์หรือพระภิกษุที่เคารพนับถือ สถูปเจดีย์นี้ถูกสร้างจำลองขึ้นและจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ตักศิลา