เที่ยวโดโลไมท์ : 9 จุดท่องเที่ยวห้ามพลาดในเทือกเขาโดโลไมท์
เทือกเขาโดโลไมท์ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่ทอดตัวผ่านอิตาลีตอนเหนือ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2009 โดยองค์การยูเนสโก้ เที่ยวโดโลไมท์ เป็นหนึ่งในเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอิตาลี โดยความโดดเด่นของหุบเหวหินปูนแคบลึกที่เกิดจากธารน้ำแข็ง หน้าผาลาดเอียงสวยงาม เนินเขาสูงต่ำกว้างสุดลูกหูลูกตา มองเห็นทุ่งหญ้าอัลไพน์เขียวขจีที่ปูราดเนินเขาคล้ายเกลียวคลื่นสีเขียวหลากเฉด เที่ยวโดโลไมท์ จะทำให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในการเที่ยวชมธรรมชาติ เดินป่า ปีนเขา ทอดน่องริมทะเลสีเขียวมรกตแบบสบายๆ เที่ยวโดโลไมท์ ท่ามกลางความงดงามของยอดเขาสูงเสียดฟ้าสลับกันไป และดื่มด่ำไปกับศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และประเพณี
9 จุดท่องเที่ยวห้ามพลาดบนเส้นทาง เที่ยวโดโลไมท์ อิตาลี
1. ทะเลสาบคาเรสซ่า (Lake Carezza)
หรือ ลาโก้ ดี คาเรสซ่า (Lago di Carezza) เป็นทะเลสาบอัลไพน์ขนาดเล็กที่มีท้องน้ำเป็นสีเขียวมรกตอมฟ้าครามเข้มที่ไหลมาจากเทือกเขาแอลป์ มีทิวทัศน์ของป่าสนอัลไพน์สีทองในฤดูใบไม้ร่วงและเขียวเข้มขจีในฤดูร้อน เที่ยวโดโลไมท์ กับทิวเขาลาเตมาร์ที่มียอดเป็นแง่งเป็นแท่งซ้อนกันอย่างสวยงามเป็นฉากหลัง ตั้งอยู่สูง 1,520 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ความลึกตั้งแต่ 6-22 เมตร ได้รับฉายาว่า “ทะเลสาบสีรุ้ง” และ “ทะเลสาบเทพนิยายแห่งโดโลไมท์” เป็นจุด เที่ยวโดโลไมท์ ที่ “ต้องห้ามพลาดที่สุด” เป็นทะเลสาบที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 จากองค์การยูเนสโก้
2. อัลปิ ดี ซูซี่ (Alpe di Siusi)
อัลปิ ดี ซูซี่ หรือ ไซเซอร์ ไอม์ (Seiser Alm) เป็นทุ่งหญ้าบนภูเขาสูงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สูง 1,675 -2,001 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ครอบคลุมพื้นที่ 56 ตร.กม. ภายในที่ราบสูงโดโลไมท์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขต เซ้าท์ ทิโรล ทางตอนเหนือของอิตาลี เที่ยวโดโลไมท์นักท่องเที่ยวเดินทอดน่องแบบสบายไปทั่วทุ่งหญ้ากว้าง เที่ยวโดโลไมท์ ซึมซับบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติของเนินหญ้าลูกคลื่น สีเขียวหลากเฉดที่แซมด้วยดอกไม้ป่าตามฤดูกาล ตัดกับป่าสนอัลไพน์สีเขียวเข้มที่ขึ้นเป็นหย่อมๆ กระจายตัวทั่วท้องทุ่งอันนุ่มนวล มีภูมิทัศน์อันน่าหลงใหล โดยมีฉากหลังเป็นทิวเทือกเขากลุ่มต่างๆ เช่น ซัสโซะลุงโก้ (Sassolungo), ลังโคเฟเล (Langkofel), กาติน่าโช่/โรเซนการเตน (Catinaccio/Rosengarten), สกิลย้า/ชเลอาน (Sciliar/Schlern) และ โอ๊ดเล่/ไกสเล่ร์ (Odle/Geisler) ที่ปกคลุมด้วยหิมะไหลเป็นทางในฤดูร้อน เที่ยวโดโลไมท์ ทัศนียภาพที่งดงามราวกับทะเลกว้างที่มีเกลียงคลื่นสีเขียว มีกระท่อมไม้แห้งกระจายตัวห่างๆ อยู่ทั่วไป ในฤดูหนาว หิมะที่ปกคลุมที่ราบสูงแห่งนี้จะเปลี่ยนท้องทุ่งเขียวขจีเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งฤดูหนาวอย่างแท้จริง
3. วาล ดี ฟูเนส (Val di Funes)
การ เที่ยวโดโลไมท์ จะไม่สมบูรณ์เลย หากไม่ได้มาเยือน วาล ดี ฟูเนส หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขาอัลไพน์ท่ามกลางทุ่งหญ้าราวกับปูพรมสีเขียวบนเนินสโลป รายล้อมด้วยป่าสนหนาบนไหล่เขาที่มีมนต์เสน่ห์ และความแตกต่างๆ อันน่าเหลือเชื่อของยอดทิวเขา ที่มีแหลมหยักของเทือกเขาปูเอซ-โอ๊ดเล่เป็นฉากหลังที่น่าทึ่ง แสดงให้เห็นความหลากหลายของภูมิทัศน์ เสน่ห์แบบชนบทที่สวยงามสุดบรรยาย และสถาปัตยกรรมแหวกแนวกับหอคอยหินอันน่าทึ่ง ซึ่งเป็นภาพถ่ายยอดนิยมที่เห็นประจำบนอินสตาแกรม เมื่อกล่าวถึง วาล ดี ฟูเนส
วาล ดี ฟูเนส เป็นหุบเขาที่สวยงามและวิถีชีวิตที่เงียบสงบ เรียบง่าย ในเทือกเขาโดโลไมท์ ซึ่งมีจุดชมวิวที่ดีเยี่ยมมีหลายจุด เที่ยวโดโลไมท์ โดยเฉพาะโบสถ์นักบุญมักดาเลนา (Church of Santa Maddalena) ที่ตั้งอยู่ตีนภูเขารูเอเฟน และโบสถ์นักบุญจอห์นแห่งรานุย (Church of San Giovanni in Ranui) ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันราว 2 กม. เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมและห้ามพลาด เที่ยวโดโลไมท์ ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงอันงดงามที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกสุดๆ
4. จุดชมวิวยอดเขาซีเซด้า (Seceda viewpoint)
จุดชมวิวซีเซด้า เป็นหนึ่งในสถานที่เช็คอินและถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเทือกเขาโดโลไมท์ ภายในอุทยานธรรมชาติดพูเอซ-ซอดเล่ (Puez-Odle Nature Park) ในเขตวาล กราเดน่า ตั้งอยู่บนความสูง 2,519 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดหมายปลายทางหลักในการ เที่ยวโดโลไมท์ ที่ “ต้องห้ามพลาดที่สุด” ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่น่าประทับใจไม่เหมือนที่ใด เป็นไหล่เขาที่ลาดเอียงจากหน้าผาที่เป็นสันเขา และมีฉากหลังเป็นยอดเขาหยักแหลม
ซีเซด้า วิวพอยท์ มีทัศนียภาพที่สวยงามทั้งฤดูร้อนที่เขียวขจีหลากเฉดกับกิจกรรมอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเดินป่า ปีนเขา เล่นร่มร่อน หรือ เดินเล่นเพลิดเพลิน เที่ยวโดโลไมท์ ไปกับทิวเขาที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของยอดเขาและหุบเขาโดยรอบ และฤดูหนาวที่เป็นแหล่งสกียอดนิยมกับความงามของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะหนา เที่ยวโดโลไมท์ เดินป่าชมธรรมชาติขาวโพลนด้วยรองเท้าหิมะ
5. พาสโซ่ โพรดอย (Passo Pordoi)
ช่องเขาโพรดอยตั้งอยู่ระหว่างยอดเขาซาซ โพรดอย (Sass Pordoi)และซาซ เบเช่ (Sass Becè) เขตแดนระหว่างจังหวัดเตรนโต้และเบลลูโน เป็นหนึ่งในเส้นทาง “ถนนโดโลไมต์ หรือ สตราด้า เดลล่า โดโลมิติ (Strada delle Dolomiti) เพื่อพัฒนาเส้นทาง เที่ยวโดโลไมท์ ในหุบเขาลาดิน ในอดีตเป็นเส้นทางการค้าโบราณ มีพ่อค้าขนมปังใช้เดินทางระหว่างเมืองเตรนติโน่และเมืองเวเนโต้
สำหรับการ เที่ยวโดโลไมท์ นักท่องเที่ยวสามารถไปถึง ปิซ โบเอ้ (Piz Boè) ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดในกลุ่มภูเขาเซลล่า ได้ง่ายด้วยกระเช้าไฟฟ้าสุดทันสมัย โดยนำนักท่องเที่ยวขึ้นสงยอดเขาซาซ โพรดอย สูง 2,950 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ด้วยเวลเพียงไม่กี่นาที จะทำให้การ เที่ยวโดโลไมท์ สามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพ 360 องศาของทิวทัศน์มรดกโลก ได้รับฉายาว่า “ระเบียงแห่งโดโลไมท์ (Terrace of the Dolomites)” ที่งดงามน่าทึ่งเป็นพิเศษของเทือกเขาอัลไพน์ทั้งหมดได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ทั้งในฤดูร้อนที่งดงามและโลกแห่งจินตนาการขาวโพลนกับลานสกีในฤดูหนาว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ ต้องพลาด สำหรับ เส้นทาง เที่ยวโดโลไมท์
6. พาสโซ ดี เกา (Passo di Giau)
พาสโซ ดี เกา เป็นหนึ่งจุดชมวิว เที่ยวโดโลไมท์ ที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยตั้งอยู่ใน เปลโม และโครดา ดา ลาโก้ 1 ใน 9 ระบบนิเวศน์โดโลไมท์ของยูเนสโก้ ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูง 2,348 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีทิวทัศน์ที่สวยงามทอดยาวจากยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมไปจนถึงทุ่งหญ้าและป่าอัลไพน์ ไฮไลท์อยู่ที่บริเวณลานหญ้าที่ปูลาดไปบนเนินเขาที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล เที่ยวโดโลไมท์ มีทิวสันเขาและเสาหินปูน รา กูเซล่า (Ra Gusela) ที่งดงามตั้งตะหง่านเหนือพาสโซ่ เกา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ขับรถผ่านต้องจอดแวะถ่ายรูป เพราะ รา กูเซล่า เป็นหนึ่งในภาพถ่ายยอดนิยมที่ ต้องมี…ต้องห้ามพลาด ในโปสการ์ดของโดโลไมท์ และสำหรับผู้ที่ เที่ยวโดโลไมท์
7. ทะเลสาบมิซูรีนา (Lake Misurina)
หรือ ลาโก้ ดี มิซูรีน่า (Lago di Misurina) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใสที่สุด ราวกับกระจกสะท้อนภาพกลับหัวของภูเขาและป่าสนบนผิวน้ำของทะเลสาบ เที่ยวโดโลไมท์ ในเขตคาโดเร่ของจังหวัดเบลลูโน่ ตั้งอยู่บนความสูง 1,754 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ความลึกโดยเฉลี่ย 5 เมตร เป็นทะเลสาบชื่อดัง หนึ่งในจุดเช็คอินไฮไลต์ที่ “ต้องห้ามพลาด” ที่รายล้อมด้วยที่พักที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 500 คน เที่ยวโดโลไมท์ ทะเลสาบมีความงดงามอันน่ามหัศจรรย์ท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์ ตราตรึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกจนต้องร้องว้าวออกมาเลยทีเดียว เป็นถิ่นของเฮลท์รีสอร์ทสำหรับผู้มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ โดยมีโรงพยาบาลรักษาโรคหืดหอบตั้งอยู่ปลายทะเลสาบ
8. เตร ชีเม ดี ลาวาเรโด้ (Tre Cime di Lavaredo)
มีความหมายว่า “เขาสามยอดแห่งลาวาเรโด้” เป็นหนึ่งในยอดเขาโดโลไมท์ในกลุ่มยอดเขาแซ็กซ์เทนโดโลไมท์ ซึ่งได้แก่ ชิม่า ปิคโคล่า (Cima Picola แปลว่า ยอดเขาเล็ก), ชิม่า กรานเด้ (Cima Grande แปลว่า ยอดเขาใหญ่) และ ชิม่า โอเวสต์ (Cima Ovest แปลว่า ยอดเขาตะวันตก) มีจุดสูงสุดอยู่ที่ 2,999 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งอยู่ของโรงแรมที่พักสองแห่งมีชื่อเรียกว่า “กระท่อมอูรอน หรือ ริฟูโจ้ อูรอนโซ่ (Rifugio Auronzo) ตั้งอยู่บนความสูง 2,333 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดเริ่มต้นชมวิวไปตลอดเส้นทาง “เขาสามยอดแห่งลาวาเรโด้” มีระยะทางประมาณ 1.7 กม. เที่ยวโดโลไมท์ เดินเท้าแบบสบายๆ ไปยังกระท่อมลาวาเรโด้ หรือ ริฟูโจ้ ลาวาเรโด้ (Rifugio Lavaredo) ที่ตั้งอยู่บนความสูง 2,344 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จากลานหญ้าสีเขียวไปยังทัศนียภาพมุมกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ ของยอดเขาหินปูนแหลมเป็นหยักๆ ของทิวเขาสามยอดแห่งลาวาเรโด้
9. ทะเลสาบเบรส์ (Lake Braies)
หรือ ลาโก้ ดี บราเยส (Lago di Braies) ในภาษาอิตาลี เป็นทะเลสาบที่มีน้ำใสราวกระจก ตั้งอยู่ในอุทยานธรรมชาติ ฟานเนส-เซเนส-บราเยส (Fanes-Senes-Braies Nature Park) เป็น “ทะเลสาบไข่มุกแห่งโดโลไมท์” ที่มีฉากหลังอันหน้าทึ่งของเทือกเขาหินปูน เที่ยวโดโลไมท์ มีเส้นทางเดินเท้าสบาย ๆ รอบทะเลสาบ ชมโบสถ์น้อยที่สวยงามแปลกตาริมทะเลสาบ และเรือพายในทะเลสาบสีฟ้าอมเขียวเทอร์คอยซ์ ที่ให้อารมณ์สุดโรแมนติก ท่ามกลางป่าสนอัลไพน์เขียวขจีในฤดูร้อน และหลากสีในฤดูใบไม้ร่วง เป็นหนึ่งในจุด เที่ยวโดโลไมท์ ที่โด่งดังและ “ต้องห้ามพลาดที่สุด” ที่มีภาพถ่ายลงอินสตาแกรมและโซเชียลมีเดียต่างๆ มากมาย